รู้ได้อย่างไรว่า...อ้วนลงพุง |
|
โรคอ้วนลงพุง หรือทางการแพทย์เรียกว่า เมตะบอลิค ซินโดรม (Metabolic syndrome) เป็นโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม กินอาหารมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ร่วมกับขาดการออกกำลังกาย จึงทำให้น้ำหนักมากเกินจนพุงยื่น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือด
หลายคนอาจสงสัยว่า รู้ได้อย่างไรว่าเข้าข่ายอ้วนลงพุงแล้ว วันนี้เรามีความรู้และคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ
สำหรับคนไทย โดยปกติ ผู้ชาย ไม่ควรมีรอบเอวเกิน 90 เซนติเมตร ส่วนผู้หญิง ไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร แต่ผู้ที่มีปัญหาอ้วนลงพุงมักจะมีความผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่
1.ความดันโลหิตสูง ตั้งแต่ 130/80 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป (ความดันโลหิตตัวใดตัวหนึ่งสูงก็ถือว่าผิดปกติ)
2.น้ำตาลในเลือดสูง ตั้งแต่ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
3.ไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรขึ้นไป
4.โคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL cholesterol) ต่ำกว่า 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร สำหรับผู้ชาย และผู้หญิง ต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
การมีความผิดปกติต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อัมพาตที่เกิดจากหลอดเลือดสมองอุดตันทำให้สมองขาดเลือด นอกจากนี้ ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน และยังอาจก่อให้เกิดโรคตับเรื้อรังจากการที่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อตับซึ่งนำไปสู่โรคตับแข็งได้
**สัญญาณบอกเหตุ
มีหลายคนมองจากภายนอกไม่พบความผิดปกติใดๆ ยกเว้น “อ้วนลงพุง” ถ้าไม่ได้รับการตรวจสุขภาพก็จะไม่รู้ว่ามีความดันโลหิตสูง น้ำตาลสูง หรือมีไขมันผิดปกติแฝงอยู่ บางรายที่ความดันโลหิตสูงอาจมีอาการปวดศีรษะ หรือเวียนศีรษะ ส่วนรายที่น้ำตาลในเลือดสูงเข้าขั้นเบาหวานอาจมีอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย หรือมีอาการอื่นๆ ของโรคเบาหวานร่วมด้วย สำหรับผู้ที่มีปัญหาต่างๆ เหล่านี้มานาน และไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ อาจมีภาวะของโรคแทรกซ้อน เช่น เจ็บหน้าอก หัวใจวาย หรืออัมพาตในที่สุด
**ใครๆ ก็มีสิทธิ์เสี่ยงจริงหรือ
ใช่แล้วค่ะ ทุกคนมีโอกาสเป็นโรคอ้วนลงพุงได้ โดยเฉพาะผู้ที่น้ำหนักเกิน ซึ่งผู้สูงอายุมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าเด็กหรือหนุ่มสาว แต่ส่วนใหญ่ กลุ่มอาการนี้เป็นผลจากการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม กินอาหารที่มีพลังงานสูง กินล้นกินเกิน และการใช้ชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากสารอาหารมากขณะที่การใช้พลังงานในชีวิตประจำวันน้อยลง ทำให้พลังงานส่วนเกินซึ่งถูกสะสมอยู่ในรูปของเนื้อเยื่อไขมันที่พอกพูนอยู่ในช่องท้องรวมทั้งส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดความผิดปกติอื่นๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง
ที่ร้ายก็คือ ไขมันในช่องท้องนี้สามารถหลั่งสารต่างๆ ที่มีผลเสียต่อการทำงานของร่างกาย เช่น ทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายตอบสนองต่อการทำงานของอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้น้อยลง ระดับน้ำตาลในเลือดจึงสูงขึ้น สารบางชนิดทำให้มีระดับความดันโลหิตสูงขึ้น และยังก่อให้เกิดความผิดปกติอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลให้หลอดเลือดแดงมีโอกาสเกิดการอุดตันจากคราบไขมันที่ไปสะสมอยู่ในหลอดเลือดได้ง่ายขึ้น
**กินอย่างฉลาดช่วยได้
การมีสุขภาพดีและรูปร่างที่สมส่วน ไม่ใช่เป็นเรื่องยาก เริ่มจาก
1.กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม โดยสัดส่วนของอาหารที่กินในแต่ละมื้อควรประกอบด้วย
- ผักครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมด
- อีกครึ่ง เป็นข้าวหรือแป้ง
- อีกครึ่งเป็นเนื้อสัตว์หรือโปรตีน ไขมันนั้นมีอยู่ในอาหารส่วนใหญ่อยู่แล้วจากการประกอบอาหาร
ทั้งนี้ ปริมาณอาหารที่กินขึ้นกับน้ำหนักตัว หากน้ำหนักมากเกินไปก็ต้องลดปริมาณอาหารลง หากน้ำหนักเหมาะสมอยู่แล้ว ก็ต้องกินให้พอดีเพื่อไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยงขนมหวาน เครื่องดื่มหวานๆ ลูกอม ช็อกโกแลต ไอศกรีม เค้ก คุกกี้ ขนมอบ ของทอด หรือกินแต่น้อย เนื่องจากให้พลังงานสูง ทำให้อ้วนได้ง่าย
2.การออกกำลังกาย มีประโยชน์มากในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดน้ำตาล ลดไขมันร้ายทั้งโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ เพิ่ม HDL ซึ่งเป็นไขมันดี และช่วยลดความดันโลหิต ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป สัปดาห์ละ 3 - 5 ครั้ง โดยอาจเลือกเล่นกีฬาที่ชอบ เช่น แบดมินตัน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก เดินเร็ว หรือวิ่งจอกกิ้ง เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน อาจเริ่มออกกำลังกาย 5-10 นาทีก่อน แต่เมื่อทำสม่ำเสมอแล้ว จะทำได้นานและหนักขึ้น นอกจากนี้ ควรเพิ่มกิจกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อช่วยเผาผลาญพลังงานเช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ ทำงานบ้าน ทำสวน เป็นต้น
**การรักษา
สำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วนลงพุงแล้ว การกินอาหารอย่างเหมาะสมและออกกำลังกายสามารถช่วยให้ความผิดปกติต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และมีโอกาสกลับมาเป็นปกติได้
ส่วนผู้ที่จำเป็นต้องรับการรักษาด้วยยา เช่น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือไขมันในเลือดผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการรักษาอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลจากพฤติกรรมของคนเรา คุณเท่านั้นที่จะช่วยได้ ด้วยกำลังใจและความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ขอเอาใจช่วยค่ะ
ที่มา ... ผศ.ดร.พญ.มยุรี หอมสนิท ภ.เวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
ผู้จัดการออนไลน์
เพื่อช่วยให้อ้วนลงพุงดีขึ้น ไม่มีผลแทรกซ้อนตามมา ลองใช้ตัวช่วยดูซิคะ คลิ๊กที่เวปไซด์ด้านล่างเลยค่ะ
http://goodproduct.net/product/detail-19255.html
หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0932392465 , 0632945365
|
|