สถิติ
เปิดเมื่อ19/10/2011
อัพเดท17/03/2024
ผู้เข้าชม5516215
แสดงหน้า7746696
สินค้า
บทความ
ทางเดินอาหาร
16 วิธีป้องกันท้องอืด จากโรคกรดไหลย้อนกลับ (GERD)
ภาวะกรดไหลย้อน
นม GTF
โรคลึกลับ CFS (Chronic fatigue syndrome หรือโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ) ยาแก้และวิธีแก้
อันเนื่องมาจากความหวาน อ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุ (ตอนที่ 4)
อันเนื่องมาจากความหวาน อ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุ(ตอนที่ 3)
อันเนื่องมากจากความหวาน อ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุ (ตอนที่ 2)
อันเนื่องมาจากความหวาน ระวัง! อ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุอย่านึกว่าเป็นเรื่องเล็ก(ตอนที่ 1)
การอนุญาตและการจดทะเบียนในประเะทศต่างๆ
สิทธิบัตรของนม GTF
สิทธิบัตรของนม GTF
นม GTF กับรูปร่างและผิวพรรณ
โรงพยาบาลที่ใช้ ผลิตภัณฑ์ GTF
รางวัลต่างๆ ของนม GTF
การวิจัยและพัฒนานม GTF
ทำไมคนรุ่นใหม่...ขาดสารอาหาร
คำแนะนำการบริโภคนม GTF
รายละเอียดนม GTF
ประโยชน์ที่ได้รับจากนม GTF
VDO ประสบการณ์ผู้ใช้ GTF
VDO รายละเอียด GTF ตอนที่ 1-5
นม GT&F ช่วยให้คุณควบคุมโรคเบาหวาน ได้อย่างไร..
ทำไมต้องนม GTF
มะเร็ง
ถั่วเหลืองกับมะเร็งเต้านม
การฟื้นฟูร่างกายหลังได้รับเคมีบำบัด
วิธีจัดการผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ตอนที่ 3
วิธีจัดการผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ตอนที่ 2
วิธีจัดการผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ตอนที่ 1
วิธีป้องกันการติดเชื้อระหว่างเคมีบำบัด
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin)
สารอนุมูลอิสระ (Free Radicals) คืออะไร?
แอสตาแซนธิน : การลดความเมื่อยล้าของดวงตา
แอสตาแซนธิน : ความทนทานและการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ
แอสตาแซนธิน : สารต้านอนุมูลอิสระที่เหนือกว่า
“Astaxanthin” คืออะไร?
ผิวหนัง
ตำแหน่งสิวบอกอารมณ์และโรคได้
วิธีปราบสิว
โรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง ( Psoriasis )
โรคผิวหนังอักเสบ (ECZEMA)
สิว และวิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับ สิว เบื้องต้น
บทความทั่วไป
10 ความจริงเกี่ยวกับตัวเรา... ที่คุณอาจไม่รู้
เคล็ดลับในการกินอาหารเสริม
NCD : โรควิถีชีวิต (Non – communicable Diseases - NCD)
NCD : โรควิถีชีวิต (Non – communicable Diseases - NCD)
5 ผลวิจัย พิชิตความเครียด
10 การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเป็นโรค…
พลังงานแม่เหล็กบำบัดโรค
เตือน “กินน้ำตาลเกินจำเป็น” โอกาสเกิดโรคแทรกง่ายขึ้น
18 สาเหตุ ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง + อ่อนเพลีย
การเสียชีวิตของนักกีฬาในสนามแข่งขัน
รู้ได้อย่างไรว่า...อ้วนลงพุง หรือ เป็น Metabolic syndrome
ไม่ขับถ่ายตอนเช้าจะเกิดอะไรขึ้น
การเลือกรับประทานอาหารเสริม วิตามิน และเกลือแร่
อาหารเสริม Co-Enzyme Q10 โคเอ็นไซม์ คิวเท็น คืออะไร
วิธีป้องกัน อาการภูมิแพ้
กินยาแก้อักเสบ (ยาปฏิชีวนะ) บ่อยๆ ทำให้เชื้อโรคดื้อยา รักษาไม่หาย
แครนเบอรรี่ Cranberry
การกอด มหัศจรรย์แห่งสัมผัส
โรคภูมิแพ้
อันตรายจากบุหรี่ และตัวช่วยล้างพิษจากบุหรี่
วิธีการดื่มน้ำที่ถูกวิธี
Bell Stem Cell Activator, 60 caps
เมลาโตนิน (Melatonin)
นาฬิกาชีวภาพ นาฬิกาชีวิต
กรดอะมิโนจำเป็น 9 ชนิด ที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้
อาหารธัญพืชปรุงพิเศษ
เบาหวาน
เรื่องหวานๆ กับยาเบาหวาน
ความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยเบาหวาน
ภัยเงียบ....โรคหัวใจในผู้เป็นเบาหวาน
เลือดหนืดในโรคเบาหวาน
เลือดข้นกับโรคหัวใจ
เบาหวาน
การควบคุมอาหารในผู้ป่วยเบาหวาน
ทางเดินปัสสาวะ
Share โรคไตวายเรื้อรัง Chronic renal failure (CRF)
สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis) อาการของโรค และวิธีรักษา
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ Urinary tract infections (UTI)
สมองและระบบประสาท
โคลีน
โคลีน ไบทาร์เทรต (Choline Bitartrate)
ใบบัวบก (Gotu Kola)
DMEA
cavinton หรือ vinpocetine
Neuro-ps บำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดความเครียด ช่วยเรื่องการนอนหลับ
ถาม-ตอบ เกี่ยวกับการใช้ Neuro-PS
Neuro-PS บำรุงสมอง,เสริมความจำ ลดความเครียด
บทความจากต่างประเทศ
How To Decrease Inflammation‏
Alzheimer’s on the Rise: What You Can Do
ปฎิทิน
March 2024
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
     
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
      
สมาชิก

สมัครสมาชิก | ลืมรหัสผ่าน

วิธีจัดการผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ตอนที่ 2

อ่าน 15413 | ตอบ 1
 วิธีจัดการผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ตอนที่ 2


 
 
ภาวะโลหิตจาง
     ยาเคมีบำบัดมักจะไปกดไขกระดูกทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดง  เม็ดเลือดขาว  และเกร็ดเลือด  มีจำนวนลดลง  โดยปกติเม็ดเลือดแดงจะเป็นตัวพาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย  เมื่อจำนวนเม็ดเลือดแดงมีน้อยก็ส่งผลให้ร่างกายแต่ละส่วนได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ  จึงทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกอ่อนเพลีย  หายใจถี่  วิงเวียนศีรษะ  หน้ามืด  เป็นลม  ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์และตรวจปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง  ควรรับประทานผักผลไม้  หรือเนื้อสัตว์  โดยเฉพาะตับ  ไข่  อาหารทะเล  ควรนอนหลับในช่วงกลางคืนนานขึ้นกว่าเดิม 1- 2  ชั่วโมง  และอาจจะนอนกลางวันสัก 1-2 ชั่วโมง  ถ้าต้องการออกไปข้างนอกควรมีเพื่อนไปเป็นเพื่อน  หรือทำกิจกรรมควรมีเพื่อนช่วยทำ  เวลาจะลุกนั่งควร จะค่อยๆ ลุกและเวลานอนเมื่อต้องการจะลุกขึ้นควรนั่งสักพักก่อนที่จะลุก  ไม่ควรลุกพรวดพราดทั้งนี้เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด  มึนงง
 
     เกร็ดเลือด  มีหน้าที่ทำให้เลือดแข็งตัว  ผลจากยาเคมีบำบัดจะกดไขกระดูก  ทำให้เกร็ดเลือดต่ำ  จึงทำให้มีเลือดออกง่ายและหยุดยาก  มีจ้ำเลือดตามตัว  อาจพบจุดเล็กๆใต้ผิวหนังเวลาปัสสาวะ  หรือบ้วนเสมหะจะมีเลือดปน  ควรป้องกันเลือดออกง่ายโดยป้องกันร่างกายไม่ให้ถูกกระทบกระแทกหรือเกิดอุบัติเหตุ  ใช้ลิปสติกมันทาปากให้ชุ่มชื่นเสมอ  แปรงฟันด้วยแปรงที่มีขนอ่อนนุ่ม  หรือบ้วนปากทำความสะอาดแทนการแปรงฟัน  ถ้ามีเลือดกำเดาออก  ให้อยู่ในท่าแหงนหน้าเอามือบีบจมูก  ถ้ามีอาการเขียวเป็นจ้ำๆ  หรือเป็นผื่นแดง  เลือดออก  เช่น  เลือดออกตามไรฟัน  ไอ  อาเจียน  หรือถ่ายเป็นเลือด  ถ่ายดำ  ให้รีบพบแพทย์  
 
ภาวะการติดเชื้อ
     ภาวะนี้เกิดจากที่ยาเคมีบำบัดไปกดไขกระดูกตามที่กล่าวมา  นอกจากจะทำให้เม็ดเลือดแดงมีจำนวนน้อยลงแล้ว  ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวต่ำด้วย  เม็ดเลือดขาวโดยปกติจะทำหน้าที่ต่อสู้กับแบคทีเรีย  หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเชื้อโรค  เพื่อป้องกันการติดเชื้อแต่เมื่อมีจำนวนน้อยลงจึงทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น  แพทย์จะทำการตรวจเช็คเม็ดเลือดขาวตลอดในขณะที่ทำเคมีบำบัด  ดังนั้นผู้ป่วยควรจะดูแลตัวเองด้านความสะอาดให้มากเป็นพิเศษ  เช่น
    - การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ รวมถึงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงด้วย
    - การทำความสะอาดบริเวณทวารหนักหลังเข้าห้องน้ำ
    - สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ยาเหน็บ หรือยาสวนสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก อาจจะต้องปรึกษากับแพทย์ก่อนการใช้
    - พยายามอยู่ห่างจากคนที่เป็นหวัด อีสุกอีใส วัณโรค  ผู้เป็นโรคติดต่อที่สามารถติดต่อได้ง่าย  เนื่องจากภูมิต้านทานต่ำ
    - พยายามหลีกเลี่ยงสถานที่มีคนพลุกพล่าน
    - จัดสิ่งแวดล้อมให้สะอาด  อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
    - หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือดื่มสุรา
    - พยายามอย่าให้มีบาดแผล  อย่าแกะหรือบีบสิว
    - ดูแลความสะอาดในช่องปาก
    - ควรอาบน้ำอุ่น  ไม่ร้อนเกินไป ใช้ฟองน้ำถูตัว ไม่ควรถูหรือหรือขัดผิวหนังอย่างรุนแรง
    - ทาครีมบำรุงผิวบริเวณผิวที่มีอาการแตกหรือแห้ง
    - บริเวณที่เป็นแผล  ควรหมั่นดูแลความสะอาดแผลทุกวัน
    - ระวังการฉีดวัคซีน  ถ้าต้องการฉีดวัคซึนควรปรึกษาแพทย์ก่อน
    - หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ไข่ที่ไม่สุก เป็นต้น
    - งดรับประทานผัก  ผลไม้สด  ควรเป็นผักที่ต้มสุกและปอกเปลือกผลไม้ก่อนรับประทาน  
    - ดื่มน้ำมากๆอย่างน้อยวันละ 2 – 3 ลิตร  
    - หากมีอาการปัสสาวะแสบ  ปวดขัด  มีไข้  ควรพบแพทย์
 
ปัญหาภายในช่องปาก  เหงือก  และคอ
     ควรดูแลสุขภาพภายในช่องปากให้ดี  เพราะผู้ป่วยที่ทำเคมีบำบัดนั้นมักจะเป็นแผลในปาก  ที่เหงือก  หรือมีอาการเจ็บคอ  บางครั้งอาจมีเลือดออกมาด้วยทำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อย  จากปัญหาในช่องปากนี้เอง  ส่งผลทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย  ดังนั้นถ้าปัญหาในช่องปากไม่มีนั้นหมายความว่าเราสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อไปได้อีกหนึ่งประการโดยอัตโนมัติ
 
การดูแลสุขภาพในช่องปากที่ควรทราบ
     - ปรึกษาทันตแพทย์เรื่องการดูแล  ชนิดของยาสีฟันและแปรงที่ควรใช้ขณะทำเคมีบำบัดเรื่องเหงือกเพื่อป้องกันเหงือกอักเสบ  เป็นต้น
     - แปรงฟันหลังรับประทานอาหาร  และใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม
     - ควรใช้ยาสีฟันเด็ก
     - กลั้วปากด้วยน้ำเกลือหรือน้ำต้มสุกหลังรับประทานอาหารและก่อนนอน
     - หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาบ้วนปาก
     - ถ้ากรณีมีแผลในช่องปาก  ควรรับประทานที่ไม่อุ่นหรือร้อน  เพื่อป้องกันการระคายเคืองแผลทานอาหารอ่อนๆ  ผลไม้ที่ไม่แข็งมากนัก  เช่น  กล้วย  เป็นต้น
     - หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหรือที่มีคุณสมบัติเป็นกรด เช่น มะนาว องุ่น  สับปะรด
     - หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม
     - ดื่มน้ำบ่อยๆ 
     - ทาลิปบาล์มหรือวาสลีนเพื่อป้องกันริมฝีปากแตกและแห้ง  
     - ถ้าปากคุณแห้งและเจ็บ  ควรรับประทานอาหารที่นุ่มและเย็น  เช่น  ไอศกรีม  อมน้ำแข็งก้อนเล็กๆบ่อยๆ  ดื่มน้ำผลไม้เย็นจัด
     - การรับประทานโดยใช้หลอดดูดอาหาร  จะทำให้รับประทานอาหารได้ง่ายขึ้น
 
ท้องเสีย
     ผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัดบางรายอาจมีอาการท้องเสียขึ้นได้  หากท้องเสียติดต่อกันเกิน 1 วันหรือมีอาการปวดท้อง มวนท้องขณะท้องเสีย ควรรีบปรึกษาแพทย์  เพราะผู้ป่วยบางรายอาจต้องให้น้ำเกลือหรือสารอาหารเพื่อทดแทน ไม่ควรรับประทานยาแก้ท้องเสียหรือยาฆ่าเชื้อเพื่อบรรเทาอาการท้องเสียโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน  การปฏิบัติดังต่อไปนี้อาจช่วยบรรเทาอาการท้องเสียในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดได้
     - ดื่มน้ำบ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 – 3 ลิตร  
     - รับประทานอาหารครั้งละน้อยๆ  บ่อยๆครั้งสลับกับเกลือแร่ในระหว่างวัน
     - รับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงเพราะอาการท้องเสียนั้นทำให้เราสูญเสียแร่ธาตุ  เช่น  กล้วย  ส้ม  มันฝรั่ง  ปลา  เป็นต้น
     - หลีกเลี่ยงอาหารที่ใส่เครื่องเทศ และอาหารที่มีส่วนผสมของกะทิ
     - หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำที่ร้อนหรือเย็นจัด
     - หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกชา  กาแฟ  เครื่องดื่ม  แอลกอฮอล์  และเครื่องดื่มที่มีรสหวาน
     - หลีกเลี่ยงการทานนม  แต่สามารถทานนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตได้
     - รับประทานอาหารที่มีกากน้อยลง
     - หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส  เช่น  ถั่ว  กะหล่ำ  หัวหอม  เครื่องเทศ  อาหารหวาน
     - ควรรับประทานข้าวต้มเปล่าๆ  เนื่องจากมีสรรพคุณ  เพิ่มกำลังและช่วยลดอาการท้องเสีย  งดรับประทานข้าวสวย  ควรรับประทานตามลำดับจากน้ำข้าวผสมเกลือจนถึงข้าวต้มใสๆ  เพื่อให้ลำไส้ได้ปรับตัว
     - หลังขับถ่ายอุจจาระ  ควรทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ  เช็ดให้แห้งทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
     - ถ้ารอบทวารหนักมีแผลเปื่อยแดงจากการถ่ายบ่อย  ให้แช่ก้นด้วยน้ำอุ่นแล้วเช็ดให้แห้ง
     - ถ้าอาการไม่ทุเลา  ให้ปรึกษาแพทย์
 
ความคิดเห็นของผู้เข้าชม
ชื่อผู้แสดงความคิดเห็น :
สถานะ : รหัสผ่าน :
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง :
รหัสความปลอดภัย :
 

ตรวจสอบสถานะ การจัดส่งของที่สั่ง ทางไปรษณีย์ แบบพัสดุ ลงทะเบียน และ EMS http://track.thailandpost.co.th/