|
|
|
รู้หรือไม่ว่าระบบภายในร่างกายของเราก็มีเวลาในการทำงานเหมือนกัน เหมือนกับเวลาทำงานในแต่ละวันนั่นแหละ
คงเคยสังเกตว่า ถ้าวันไหนเรานอนหลับไม่เพียงพอ วันต่อมาร่างกายเราจะแปรปรวน ท้องผูกบ้าง ง่วงนอนบ้าง นั่นเป็นเพราะว่าร่างกายเมื่อถึงเวลาพัก แล้วไม่ได้พัก แต่ถึงเวลาที่จะต้องทำงานก็เลยไม่มีแรงขึ้นมาซะอย่างนั้น
|
เห็นทีแบบนี้ เรามาเช็คดูกันซักนิดว่ากลไกการทำงานของร่างกายเรา เขาทำงานกันเวลาไหน อย่างไรบ้าง แล้วปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเราให้สอดคล้อง น่าจะทำให้ร่างกายเราสมดุลมากขึ้น
1.เวลาของปอด 03.00 -05.00
ช่วงเวลานี้ปอดจะทำงานได้อย่างเต็มที่ จึงควรตื่นนอน เพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์ และรับแสงแดดในยามเช้า หรือออกกำลังกายเพื่อเพิ่มโอกาสในการสูดออกซิเจนให้มากขึ้น ใครที่ตื่นนอนช่วงนี้เป็นประจำ ปอด และผิวพรรณจะดี
2.เวลาของลำไส้ใหญ่ 05.00 -07.00
ลำไส้ใหญ่จะมีการบีบตัวสูงเพื่อกำจัดอาหารออกไป หากไม่ได้ขับถ่ายในช่วงนี้ แต่ไปขับถ่ายช่วงเวลาอื่น อาจจะขับถ่ายออกไม่หมด อุจจาระบางส่วนจะตกค้างอยู่ในลำไส้และจะดูดซึมสารพิษกลับเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้เกิดสิวและริ้วรอย ดังนั้นจึงควรขับถ่ายอุจจาระในช่วงเวลานี้ให้เป็นนิสัยในทุกเช้า ถ้าไม่ถ่าย ให้ดื่มน้ำอุ่น 2 แก้ว หรือดื่มน้ำผึ้งผสมมะนาว โดยใช้น้ำเปล่า 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ +น้ำมะนาว 4-5 ลูก หรืออาจจะใช้วิธีบริหารโดยการยืนตรง หายใจเข้าแล้วก้มลง พร้อมทั้งหายใจออก เอามือเท้าเข่าแขม่วท้องจนเหมือนว่าท้องไปติดสันหลัง แต่ถ้าใครออกกำลังกายช่วงก่อนหน้านี้ จะไม่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายเพราะลำไส้ได้ขยับตัวแล้ว จึงทำให้ขับถ่ายดี
|
3.เวลาของกระเพาะอาหาร 07.00 -09.00
ช่วงเวลานี้ กระเพาะอาหารจะหลั่งน้ำย่อยออกมามากที่สุดเพื่อย่อยอาหารออกไปเลี้ยงร่างกาย ใครที่กินอาหารช่วงเวลานี้ทุกวัน กระเพาะอาหารจะแข็งแรง และร่างกายได้รับพลังงานอย่างสม่ำเสมอ ถ้าไม่กินอาหารช่วงนี้กระเพาะอาหารจะถูกกรดย่อยผนังจนอ่อนแอ ส่งผลให้เป็นคนตัดสินใจช้า ขี้กังวล ขาไม่ค่อยมีแรง ปวดเข่า หน้าแก่ก่อนวัย และเพิ่มความเสี่ยงโรคในอวัยวะอื่น ๆ ที่ต้องการพลังงานจากกระเพาะอาหาร
|
|
4.เวลาของม้าม 09.00 -11.00
ม้ามอยู่บริเวณชายโครงด้านซ้าย จะรับพลังงานจากการย่อยอาหารมาแปรสภาพเป็นเม็ดเลือดแดง เพื่อนำไปให้ร่างกายใช้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตลอดทั้งวัน ทำหน้าที่สร้างน้ำเหลือง และควบคุมไขมันหากร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากอาหารเช้า ม้ามจะต้องดึงพลังงานสำรองอื่นออกมาใช้ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น คนทีปวดศีรษะบ่อย มักมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของม้ามเช่นกัน
5.เวลาของหัวใจ 11.00 -13.00
ช่วงเวลานี้หัวใจจะทำงานหนัก จึงควรหลีกเลี่ยงความเครียด หรือการใช้ความคิดหนัก ๆ และหาทางระงับอารมณ์ตื่นเต้นหรืออาการตกใจให้ได้
6.เวลาของลำไส้เล็ก 13.00 -15.00
ช่วงนี้ลำไส้เล็กจะดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิด เพื่อนำไปสร้างเป็นกรดอะมิโน เซลล์สมอง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ดังนั้นควรงดกินอาหารทุกประเภทเพื่อให้ลำไส้เล็กได้ทำงาน
นาฬิกาชีวภาพ นาฬิกาชีวิต (2) |
|
|
|
นาฬิกาชีวภาพที่ร่างกายสร้างขึ้น เพื่อแบ่งหน้าที่การทำงานในแต่ละส่วน ทำให้ร่างกายสมดุล หากแต่เราไม่เคยรู้อย่างลึกซึ้ง
แต่ตอนนี้เมื่อรู้แล้ว ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในแต่ละวันให้สอดคล้อง จะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ตอนนี้ มาเช็คดูช่วงเวลาที่เหลือกันต่อเลย
|
7.เวลาของกระเพาะปัสสาวะ 15.00 -17.00
ช่วงเวลานี้ควรทำให้เหงื่อออก ด้วยการออกกำลังกาย หรืออบตัว กระเพาะปัสสาวะจะได้แข็งแรง การอั้นปัสสาวะบ่อย ๆ จะทำให้ปัสสาวะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้เวลามีเหงื่ออก จะมีกลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นปัสสาวะ
8.เวลาของไต 17.00 - 19.00
ควรทำใจให้สดชื่น ไม่ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงเวลานี้ เพราะถ้ามีอาการดังกล่าว ถือว่ามีสัญญาณบางอย่างบ่งบอกถึงปัญหาของไตเสื่อม
9.เวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ 19.00 - 21.00
ช่วงนี้ต้องทำจิตใจให้สงบ มีสมาธิ ด้วยการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้รู้สึก ตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะ เศร้าหรือเสียใจ หรือการทำกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องใช้สมองทำงาน
|
10.เวลาเข้านอน 21.00 - 23.00
ช่วงนี้ระบบภูมิต้านทานโรคจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสะสมพลังงานสำรองไว้ซ่อมแซมร่างกายตลอดคืน การนอนช่วงนี้จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่หากเลยช่วงเวลานี้ไปแล้ว ต่อให้นอนครบ 8 ชั่วโมงไปแล้ว ก็จะไม่รู้สึกสดชื่นเท่า ที่สำคัญช่วงเวลานี้ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นในและงดการตากลมช่วงเวลานี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยง่าย
|
|
11.เวลาของถุงน้ำดี 23.00 - 01.00
เป็นช่วงเวลาเดียวที่ไขมันจะถูกย่อยสลายอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าร่างกายไม่ได้พักผ่อนในช่วงนี้ ไขมันที่ไม่ผ่านการย่อยจะตกตะกอนตามส่วนต่าง ๆ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และถุงใต้ตาเป็นต้น ...สาว ๆ ใครชอบอดนอนระวังข้อนี้ไว้ให้ดี
12.เวลาของตับ 01.00 - 03.00
เวลาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ตับจะขจัดสารพิษในร่างกาย ทำลายเม็ดเลือดที่เสื่อมอายุและเสื่อมสภาพ สร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัว และสร้างน้ำดีไปเก็บไว้ที่ถุงน้ำดีเพื่อใช้ย่อยไขมัน ดังนั้นจึงควรนอนหลับพักผ่อน ถ้าใครนอนหลับได้ดีเป็นประจำช่วงนี้ ตับจะหลั่งสารมีราโทนินเพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย และยังหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมาด้วย ลองสังเกตใครนอนหลับเต็มที่ตลอดคืน ตื่นขึ้นมาใบหน้าจะสดใส ใครมีสิว ก็จะยุบลงด้วย แต่ถ้าหากใครกินหรือไม่พักผ่อนในช่วงนี้ ตับจะไม่ได้ทำงาน ทำให้มีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย
ร่างกายเรามีอยู่หนึ่งเดียว อะไหล่หรืออวัยวะต่าง ๆ ก็มีอยู่หนึ่งเดียว หากเรารู้จักใช้ รู้จักรักษาดูแลเราก็จะมีต้นทุนร่างกายที่ได้มาฟรี ๆ ใช้งานไปอีกนาน พยายามปฏิบัติตัวให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวภาพให้มากที่สุด เราก็จะมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว
ข้อมูลจาก www.never-age.com
|
|
|