เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ลองจดรายการอาการต่างๆ 40 อาการ ซึ่งแสดงว่าเป็นโรคลึกลับ (HYPOCLYCEMIA หรือ CHRONIC FATIGUE SYNDROME หรือ CFS) ไว้แล้ว
อยากจะให้คุณผู้อ่านลองดูรายการเหล่านั้น แล้วลองเทียบกับอาการของคุณดูว่าตรงกันสักกี่รายการ
ถ้าคุณมีอาการตรงกันอย่างน้อยสัก 5 อาการขึ้นไป ก็ให้สงสัยไว้ก่อนว่าคุณอาจจะเป็นโรคลึกลับ หรือ CFS ก็เป็นได้
ทั้งนี้ต้องมีข้อแม้ซึ่งถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะตัดสินว่าคุณเป็นโรคลึกลับหรือ CFS หรือไม่
ข้อแม้นั้นก็คือว่า อาการที่คุณเป็นนั้น ได้ไปตรวจมาแล้ว และแพทย์ก็จะบอกคุณว่า ร่างกายคุณ เป็นปกติ ทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่แสดงให้เห็นว่า ต้นเหตุของอาการที่คุณเป็นนั้น อยู่ที่ความผิดปกติ ของร่างกาย ส่วนใดส่วนหนึ่งเลย
และเมื่อคุณย้ำแล้วย้ำอีกว่า คุณก็ยังรู้สึกว่าคุณป่วยอยู่ ก็อาจจะมีใครกระซิบบอกคุณว่า คุณอาจจะเป็น โรคอุปาทานกระมัง
นี่คือข้อแม้สำคัญ ไปตรวจดูแล้วปรากฏว่าคุณไม่เป็นอะไรเลย นั่นแหละคือ ข้อบ่งชี้ว่า คุณอาจ จะมีอาการ CFS เข้าแล้ว
ตอนนี้ก็น่าจะมีคำถามว่า การที่แพทย์ (ฝรั่ง) สมัยเก่ามีความเห็นว่า โรค CFS นี้ไม่มีตัวตน และผู้ที่ป่วยคงจะเป็นโรคอุปาทานนั้นก็น่าจะมีเหตุผล ลองมาแยกเหตุผลนี้ดูก็จะเห็นความจริงดังนี้
1. โรคนี้ไม่ใช่โรค จึงไม่มีอยู่ในตำรับแพทย์ แพทย์ที่ยึดเอาแต่ตำราแพทย์เป็นเกณฑ์ จึงต้องวินิจฉัยว่า เป็นโรค อุปาทาน
2.โรคนี้เกือบจะกลายเป็นโรคระบาด เริ่มตั้งแต่สมัยหลังสงครามโลก ครั้งที่สองใหม่ๆ สมัยนั้น ทั่วโลก ประสบกับภัยสงคราม เกือบจะเรียกได้ว่า เป็นสงครามล้างโลก ก็ว่าได้ ไม่มีใครเลย ที่จะไม่ได้รับ ผลกระทบกระเทือน จากสงคราม
เมื่อเสร็จสงครามแล้ว ทุกประเทศตั้งหน้าตั้งตาฟื้นฟูประเทศเป็นการใหญ่ ประเทศที่ร่ำรวย มีโอกาส ดีกว่าเพื่อน การฟื้นฟูทางอุตสาหกรรม และวิทยาศาสตร์ ทำได้อย่างรวดเร็ว
โลกเราเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือ ชีวิตประจำวันก็เปลี่ยน และชีวิตที่เปลี่ยนไป ตามเครื่องจักร เครื่องกลนี่แหละทำให้มนุษย์ เปลี่ยนจากคนเป็นเครื่องจักร ตามไปด้วย
นายแพทย์ผู้หนึ่งซึ่งภายหลังเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรค CFS ได้กล่าวสรุปว่า โลกอุตสาหกรรม และ วิทยาศาสตร์ ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ ของมนุษย์ หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
พื้นฐานที่ทำให้เกิดอาการ HYPOGLYCEMIA หรือ CFS นี้คือการเปลี่ยนแปลง ของสังคม ที่มุ่งไปสู่โลก ของอุตสาหกรรมนั่นเอง
แต่ตัวสำคัญที่เป็นสาเหตุของ CFS นี่คือ เรื่องของอาหาร อาหารในสมัยหลังๆนี้ ได้เอาอาหารเสริม มาเป็น อาหารหลัก เช่น น้ำตาล แป้งขาว เนื้อ ปลา เป็ด ไก่
นายแพทย์ผู้นี้คือ นายแพทย์ บิลส์ เกรย์ จาก มิลล์ วอลเลย์ แคลิฟอร์เนีย เขาเป็นแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญด้าน BIOLOGICAL MEDICINE ด้าน NUTRITION และด้าน HOMEOPATHY และเขาเป็น สมาชิก คนสำคัญของ INTERNATIONAL ACADEMY OF BIOLOGICAL MEDICINE
บิลส์ เกรย์ ผู้นี้แหละที่ได้ออกตระเวนเลกเชอร์ และปาฐกถาทั่วอเมริกาว่า อาหารนั่นแหละ คือตัวการสำคัญ ที่ทำให้เกิด HYPOGLYCEMIA หรือ CFS
เมื่ออาหารเป็นตัวสำคัญ ที่ทำให้เกิด CFS ฉะนั้นการรักษา CFS จึงต้องเริ่มต้นด้วยการ แก้เรื่อง อาหารก่อน
การรณรงค์เรื่องอาหารที่ช่วยแก้อาการ CFS นี้เองทำให้โรคลึกลับกลายเป็นโรค โปร่งใส กระจ่างแจ้ง ขึ้นมาได้ ไม่ใช่เป็นโรค อุปาทานต่อไป
สมาคมการแพทย์และสถาบันการแพทย์ของอเมริกาได้ยอมรับว่า HYPOGLYCEMIA หรือ CHRONIC FATIGUE SYNDROME (CFS) นั้นเป็นโรคที่มีจริง
อย่างอาการ FIBROMYALGIA ซึ่งเป็นอาการสำคัญอย่างหนึ่งของ CFS นั้น สมาคม และสถาบัน การแพทย์ ของอเมริกาหลายแห่ง ยอมรับว่า เป็นเพราะเกิด จากอาหาร CFS
ขออธิบาย FIBROMYALGIA เสียสักนิดว่า คืออะไร อาการนี้ก็คือ อาการปวด กล้ามเนื้อนั่นเอง ถ้าเป็นแบบของไทยเรา ก็มักจะบ่นกันว่า มันปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว อย่างนั้นแหละ
ถ้าเผื่อเป็นอาการป่วยที่มีสาเหตุ เมื่อแพทย์ ตรวจดูแล้วจะพบว่า เป็นการสืบเนื่องมาจาก การป่วยต่างๆ เช่น ป่วยมีอาการอักเสบเรื้อรัง เป็นไข้หวัดใหญ่ เป็นหัด ไข้รูมาติค มาลาเรีย โปลิโอ เหล่านี้เป็นต้น หรือไม่เช่นนั้น ก็เป็นเพราะ ความผิดปกติ ของต่อม เช่น ต่อมพาราไทรอยด์ ผลิตฮอร์โมนออกมา มากเกินไป เกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือมิฉะนั้น ผู้สูงอายุ เกิดอาการข้อต่อเสื่อม กล้ามเนื้ออักเสบ ปวดหลัง ปวดเอว เหล่านี้ก็ล้วนเป็นโรค ซึ่งค้นหาสาเหตุได้อีกเช่นกัน
แต่การปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อต่อ ปวดหลัง ปวดเอวของ CFS นั้นหาสาเหตุไม่ได้ ตรวจแล้ว ตรวจอีก ก็ไม่มีสาเหตุ
แต่มาตอนหลังนับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา วงการแพทย์ได้ยอมรับแล้วว่า CFS เป็นอาการป่วยจริง
สถาบัน AMERICAN COLLEGE OF RHEUMATOLOGY และ CENTERS FOR DISEASE CONTRL (CDC) ได้ระบุ CRITERIA ว่าสภาพการณ์ของอาการป่วยดังต่อไปนี้ ให้ถือว่า เป็นอาการป่วย CFS ได้
1. เมื่อตรวจตามวิธีของคลินิกแล้ว ปรากฏว่า คนไข้มีอาการเหนื่อยเพลียจริง แต่อาการ เหนื่อยเพลียนั้น หาสาเหตุไม่ได้ แม้จะได้นอนพักแล้วก็ไม่หาย นอกจากนั้นจะสังเกตเห็นว่า สมรรถภาพ ในการทำงาน ลดน้อยถอยลง ความสามารถส่วนตัว หรือบุคลิกลักษณะ เปลี่ยนแปลงไป ในทางที่เลวลง ถ้าเป็น นักเรียน นักศึกษา ผลการเรียนเลวลง
2. อาการที่เป็นโดยหาสาเหตุไม่ได้จะเป็นติดต่อกันนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป (เช่น ความจำเสื่อม เจ็บคอ ปวดต้นคอ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว นอนหลับ แต่ตื่นขึ้นมาไม่มีแรง เหล่านี้เป็นต้น)
ทั้งนี้ คือการจำกัดความเรื่องอาการการป่วยของ CFS จากรายงานของ AMERICAN CDC ANNALS OF INTERNATIONAL MEDICINE 121. 14 ธันวาคม 1994
เอาละครับ ตอนนี้ขอย้อนกลับมาลงที่คำสรุปของนายแพทย์ บิลส์ เกรย์ ตรงที่ว่า CFS นั้นต้นเหตุ เกิดจากอาหาร เพราะฉะนั้น ถ้าจะแก้ CFS ก็ต้องแก้เรื่องอาหารก่อน
นี่แหละครับ สรุปอย่างนี้แหละจะเกิดความสับสนขึ้นมาได้ โดยเฉพาะ สมัยนี้ กำลังเห่อแฟชั่น นิยมเรื่อง อาหารเนื้อ นม ไข่ ก็จะเข้าใจไปว่า เนื้อ นม ไข่ แก้อาการ CFS ได้
ขอเล่าเรื่องการทำงานของนายแพทย์บิลส์ เกรย์ ให้ฟังก่อน เพราะบิลส์ เกรย์ ก็เคยหลงทาง ทำผิดมาแล้ว เพราะเชื่อว่า เนื้อ นม ไข่ จะช่วยรักษา CFS ได้
เขาเล่าว่า 'การรักษาคนไข้ HYPOGLYCEMIA สองปีแรก ข้าพเจ้ารักษาโดยวิธี ให้โปรตีนสูง และพบว่า อาการ HYPOGLYCEMIA อยู่ในสภาพที่พอจะควบคุมได้ แต่ตัวคนไข้จะรู้สึกเลวลง มีอาการหมดแรง ปวดหัว โรคผิวหนัง ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อย และขับถ่าย'
'ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าไม่ สามารถอธิบายได้ก็คือ แม้จะควบคุมอาการบางอย่างได้ แต่ถ้าเบาน้ำตาลลง แม้แต่เพียงนิดเดียว อาการทั่วไปก็จะเลวลงทันที'
สรุปแล้วก็คือ อาหาร เนื้อ นม ไข่ รักษาโรคลึกลับ CFS นี้ไม่ได้
แต่ คาร์โบไฮเดรตสูง โปรตีนต่ำ รักษาได้
ขออธิบายวิธีปฏิบัติ คาร์โบไฮเดรตสูง โปรตีนต่ำ ทำอย่างไร ต่อคราวหน้าครับ.
T T T T T T
รำไป คุยไป กินไป
รำตะบอง คุยกับอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง แล้วร่วมรับประทานอาหาร ข้าวหม้อ แกงหม้อ ที่สนามรถไฟ ด้านหลังสวนจตุจักร วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 45 เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. ครับ เชิญท่านผู้สนใจทุกท่าน.