ธารแธน : อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่ทานอาหารไม่ได้ ใช้แทนอาหารสายยางได้ *** ใช้เป็นอาหารหลักได้***
|
|
ธารแธน : อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่ทานอาหารไม่ได้ ใช้แทนอาหารสายยางได้ *** ใช้เป็นอาหารหลักได้*** |
|
|
- ราคาปกติ : 4,280.00 ฿
- ราคาพิเศษ : 3,210.00 ฿
-
|
- ยี่ห้อ : ธารแธน
- มี 3 โปรนะคะ
- ซื้อ 1 กล่อง แถม 10 ซอง รวม 40 ซอง ราคา 3,210 บาท
2 กล่อง แถม 1 กล่อง รวม 90 ซอง ราคา 6,420 บาท
3 กล่่อง แถม 3 กล่อง รวม 180 ซอง ราคา 9,630 บาท
ธารแธน : อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยที่ทานอาหารไม่ได้ ใช้แทนอาหารสายยางได้ *** ใช้เป็นอาหารหลักได้*** |
ธารแธนเป็นอาหารธัญพืชบริโภคได้ทันที แทนอาหารได้ 1 มื้อ เหมาะสำหรับผู้รักสุขภาพทุกเพศทุกวัย ใช้ลดน้ำหนัก ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน ลดอาการภูมิแพ้ บำรุงหัวใจ,หลอดเลือดและสมอง ฟื้นฟูตับ,ไต,ตับอ่อน ชะลอความแก่ เสริมภูมิต้านทาน และขับสารก่อมะเร็ง
ธารแธน เป็น Organic food ที่ผลิตจากธัญพืชเต็มเมล็ดหลายชนิดที่ถูกคัดเลือกและคำนวณสารอาหารมาเป็นอย่างดีเพื่อใช้บริโภคเป็นอาหารทดแทน (กินแทนอาหาร ไม่ใช่อาหารเสริม) ที่ให้สารอาหารครบ 5 หมู่ที่มั่นใจว่ายังไม่มีใครทำได้เหมือนเรา ดังมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
1. โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ซึ่งจำเป็นต้องได้รับจากอาหารที่นักโภชนาการเป็นผู้กำหนดขึ้นเท่านั้น กับกรดอะมิโนไม่จำเป็นเนื่องจากร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ก็จริงแต่โดยทั่วไปร่างกายมักสร้างไม่เพียงพอกับความต้องการ โดยเฉพาะเด็กที่มีปัญหาโภชนาการล้นเกิน หรือคนวัยทำงานที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุที่สุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีโรคประจำตัว ธารแธน จึงเน้นให้ร่างกายได้รับกรดอะมิโนที่มีคุณภาพสูงเหล่านี้เพื่อให้ตับใช้สร้างโปรตีนคุณภาพสูงที่เข้าไปทำงานได้ลึกถึงระดับยีนส์ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรง
2. คาร์โบไฮเดรทเป็นชนิดเชิงซ้อนทั้งหมดที่ย่อยง่ายและให้พลังงานกับร่างกายอย่างช้าๆ เป็นคาร์โบไฮเดรทชนิดที่ใช้ฟื้นฟูสุิขภาพได้ดีที่สุด ช่วยเรื่องการขับถ่าย และยังช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมในลำไส้ใหญ่ตอนต้นให้เป็นแหล่งกำเนิดของแบคทีเรียสายพันธุ์ดีเพื่อช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารตอนปลายทำงานได้สมบูรณ์ อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ได้อย่างยอดเยี่ยม
3. ไขมันของ ธารแธน เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวที่อุดมไปด้วยไขมันโอเมก้า3 โอเมก้า6 ที่สามารถใช้ควบคุมไขมันชนิดอิ่มตัวเพื่อไม่ให้ทำอันตรายกับสุขภาพ เช่น คอเลสเตอร์รอล LDL ไตรกลีเซอร์ไรด์ ไม่ให้ทำอันตรายผนังหลอดเลือดได้ง่าย นอกจากนั้นไขมันชนิดไม่อิ่มตัวยังช่วยลดการอักเสบภายในร่างกายได้ดีอีกด้วย
4. วิตามิน-เกลือแร่-สารพฤกษเคมีในธารแธน วิตามินใน ธารแธน มีครบทุกชนิดทั้งชนิดที่ละลายน้ำ คือวิตามินBรวม กับชนิดที่ละลายในไขมันได้แก่ A D E K ยกเว้นวิตามินซีที่ต้องเสริมจากภายนอกเนื่องจากถูกทำลายจากขบวนการความร้อนที่ใช้อบธัญพืชให้สุก เกลือแร่ใน ธารแธน เนื่องจากธัญพืชหลากหลายชนิดเป็นแหล่งรวมของเกลือแร่ตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้นเมื่อบริโภค ธารแธน เป็นประจำจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสริมเกลือแร่จากอาหารเสริมอื่นใดอีก สารพฤกษเคมีใน ธารแธน ก็มีอย่างอุดมสมบูรณ์ในธัญพืชอีกเช่นกัน สารพฤกษเคมีคือสารอาหารที่จำเป็นต่อมนุษย์ที่ขาดไม่ได้และมีอยู่ในเฉพาะพืชเท่านั้น ร่างกายมีความต้องการสารอาหารเหล่านี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าขาดหรือได้รับไม่สม่ำเสมอจะเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งส่วนใหญ่การเจ็บป่วยเนื่องจากขาดสารพฤกษเคมีมักหาสาเหตุไปพบและยากต่อการรักษา
5. สารเส้นใยใน ธารแธน มี 2 ชนิดได้แก่ชนิดที่ละลายน้ำได้ และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ เส้นใยชนิดที่ละลายน้ำได้ส่วนใหญ่จะช่วยในเรื่องการดูดซึมสารอาหารที่ถูกย่อยแล้วจากลำไส้เล็กเพื่อเข้าสู่ตับโดยจะควบคุมและยับยั้งสารอาหารที่มากเกินไป เช่น เมื่อบริโภคแป้งมากก็จะถูกย่อยเป็นน้ำตาลปริมาณมาก เส้นใยที่ละลายน้ำได้จะทำหน้าที่ควบคุมการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ตับให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย ส่วนเกินของน้ำตาลก็จะถูกบังคับให้เคลื่อนที่ผ่านไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อใช้เป็นอาหารของแบคทีเรียที่จำเป็นต่อไป เส้นใยชนิดที่ไม่ละลายน้ำจะทำหน้าที่ทำความสะอาดลำไส้ เป็นเส้นใยที่อุ้มน้ำได้ดีเพื่อให้กระบวนการสร้างอุจจาระเป็นอุจจาระที่ดีขับถ่ายง่ายและมีกลิ่นไม่รุนแรงเพื่อช่วยให้ลำไส้ใหญ่สะอาดและมีสุขภาพดี ธารแธน ถูกพัฒนาจากธัญพืชสูตรเดิมที่ผลิตอย่างต่อเนื่องมานาน 14 ปีเพื่อให้เป็นอาหารทดแทนที่มีคุณภาพดีที่สุด สามารถดูแลแก้ไขปัญหาสุขภาพได้กว้างขวางที่สุดโดยเฉพาะ โดยพัฒนาให้ ธารแธน สามารถทำงานได้ลึกถึงระดับยีนส์ซึ่งธัญพืช Brand อื่นที่เคยทำมา ยังทำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับคนไทย แต่ทางผู้ผลิตพยายามติดตามเรื่อง Gene Therapy กับการใช้อาหารที่มีคุณภาพสูงเข้าไปแก้ไขปัญหาโรคที่เกิดจากพันธุกรรมซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศเป็นอย่างมาก พบว่าบางโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง หรือผู้มีไขมันคอเลสเตอร์รอลสูงเพราะยีนส์เป็นตัวกำหนด แม้กระทั่งผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้ง่ายเพราะมียีนส์ที่ก่อโรคนี้อยู่ในโครโมโซมของตนมาตั้งแต่เกิด พบว่าเมื่อคนเหล่านั้นละเลิกการใช้ชีวิตที่ทำลายสุขภาพตนเองโดยเฉพาะอาหารที่ไม่เหมาะสมทั้งหลาย แล้วหันมาใส่ใจบริโภคอาหารประเภท Organic food อย่าง ธารแธน อย่างจริงจังสักระยะร่วมกับการปรับการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมและผ่อนคลายมากขึ้น พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคทางพันธุกรรมมีระดับที่ลดลง หรือบางท่านเป็นโรคไปแล้วระดับหนึ่งโรคนั้นก็สามารถลดอาการลงอย่างน่าพอใจได้
เหตุผลเชิงวิชาการ
ยีนส์คือสารที่ใช้ถ่ายทอดทางพันธุกรรมที่บ่งบอกความเป็นตัวตนทั้งหมดของคนๆนั้นมาตั้งแต่เกิด ทั้งสรีระร่างกาย จิตใจ (บุคลิกนิสัยและสันดาน) รวมทั้งการกำหนดอายุขัยและโรคภัยไข้เจ็บที่จะเวียนเข้ามาตามเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนประกอบสำคัญของสารพันธุกรรมส่วนใหญ่คือโปรตีนที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกันนับหมื่นนับแสนชนิดในยีนส์หนึ่งๆ ดังนั้นการทำงานของโปรตีนในยีนส์จึงเป็นกลไกที่กำหนดชะตาชีวิตของคนนั่นเอง นักวิทยาศาสตร์พบว่าโปรตีนในยีนส์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าโปรตีนในยีนส์ของคนหนึ่งกำลังทำงานเพื่อก่อโรคเบาหวานขึ้น เราจะสามารถใช้โปรตีนที่เหมาะสมเข้าไปเปลี่ยนกลไกการทำงานของกลุ่มโปรตีนที่กำลังจะก่อโรคนั้นให้ทำงานลดลงได้หรืออาจเรียกได้ว่ามีอิทธิพลในการก่อโรคเบาหวานลดลงได้
ธารแธน จากประสบการณ์พบว่าสามารถเข้าไปทำหน้าที่ฟื้นฟูให้ตับแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมโดยใช้เวลาที่รวดเร็ว เมื่อตับทำงานได้อย่างเต็มที่ก็จะสามารถใช้กรดอะมิโนที่เหมาะสมที่มีอยู่ใน ธารแธน ร่วมกับสารอาหารที่ได้ถูกคำนวณมาเป็นอย่างดีตามหลักโภชนาศาสตร์ทำการสังเคราะห์โปรตีนขึ้นมาใหม่มากมายที่ตับเรียกว่ากลุ่มโปรตีนสมบูรณ์ ซึ่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ตับสร้างขึ้นเหล่านี้จะเป็นตัวที่เข้าไปดูแลการทำงานของโปรตีนในยีส์ที่มีอยู่เดิมให้ทำงานในเชิงบวกมากขึ้น
จากตัวอย่างพบว่า คนอ้วนที่อ้วนตามพ่อ-แม่ สามารถลดน้ำหนักได้เร็วอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ป่วยตามผู้ใหญ่หลายคนในครอบครัวที่เป็นเบาหวานเหมือนกันสามารถลดน้ำตาลในเลือดลงได้อย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนเช่นกันหลังจากบริโภค ธารแธน แทนอาหารวันละ 2 มื้อได้ไม่นาน เชื่อว่ายีนส์ก่อโรคที่มีอยู่ในตัวเขาเหล่านั้นได้ถูกปรับการทำงานใหม่ด้วยสารอาหารที่มีคุณภาพสูงจาก ธารแธน
ส่วนผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ภายใต้อิทธิพลของยีนส์ที่ก่อโรคหรืออาจมีความสัมพันธ์อยู่บ้างแต่ไม่มากก็ยิ่งจะได้ผลเด่นชัดมากขึ้นเมื่อใช้ ธารแธน แก้ปัญหาสุขภาพ
ธัญพืช ธารแธน เป็นอาหารธรรมชาติ 100% ประกอบด้วย วัตถุดิบสำคัญ 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ธัญพืช 7 ชนิด ได้แก่
- ถั่วเหลือง ป้องกันภาวะกระดูกพรุน หลอดเลือดหัวใจตีบตัน มะเร็งเต้านม และมะเร็งชนิดอื่น ๆ ช่วยเพิ่มไขมันตัวที่ดี (HDL) และลดไขมันตัวที่เลว (LDL) ลดไขมันคอเลสเตอร์รอล ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี และเส้นใยของถั่วเหลืองยังมีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวานได้ดีอีกด้วย
- งาดำ มีประโยชน์มากมาย โดยสรรพคุณของงาดำมีกระอะมิโนจำเป็นชื่อ “เมไธโอนี” และยังประกอบด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 และ โอเมก้า 6 ซึ่งมีคุณสมบัติลดไขมันคอเลสเตอร์รอล จึงช่วยป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว ช่วยให้หัวใจแข็งแรง บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ป้องกันกระดูกพรุน ช่วยให้หลับสบาย และเป็นอาหารต้านมะเร็งได้ด้วย
- จมูกข้าวสาลี เป็นแหล่งโปรตืนที่เป้นสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความชา ป้องกันโรคแห่งความเสื่อม ป้องการหลอดเลือดแดงทั้งในสมองและหัวใจไม่ให้แข็งตัวและตีบตัน รัษาสมดุลในลำไส้ใหญ่ สังกะสีในจมูกข้าวสาลี ป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากโตและป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ดี
- ข้าวโพด มีประโยชน์ในการล้างพิษ ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ป้องกันไม่ให้ดวงตาเสื่อมสภาพเร็วคนโบราณมักใช้ข้าวโพดเป็นพืชช่วยบำรุงร่างกาย หัวใจ ปอด และยังช่วยขับปัสสาวะอย่างอ่อน ๆ
- ข้าวฟ่าง มีโปรตีนใกล้เคียงกับถั่วเหลือง มีแร่ธาตุมากมาย อาทิ แมกนีเซียม โปแตสเซียมและ วิตามินบี 3 ข้างฟ่างช่วยให้อาหารย่อยง่าย เสริมภูมิต้านทานของร่างกายและใช้ป้องกันโรคภูมิแพ้
- ข้าวกล้อง บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ บำรุงสมอง ป้องกันเหน็บชาป้องกันตะคริว ปากนกกระจอก
- ลูกเดือย มีฟอสฟอรัสในปริมาณสูง จึงช่วยบำรุงกระดูก มีวิตามินเอที่ช่วยเรื่องสายตา มี วิตามิน บี 1 ที่ช่วยเรื่องเหน็บชา เป็นอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกายได้ดี มีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง คุณค่าทางยาของลูกเดือยนั้นใช้ชงเป็นยาเย็นขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน บำรุงไต กระเพาะอาหาร ม้าม รวมทั้งบำรุงเลือดลมในสตรีหลังคลอด รักษาอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง หล่อลื่นกระเพาะอาหาร ลำใส้แก้บวมน้ำ ปวดข้อเรื้อรัง และแก้ร้อนใน
กลุ่มที่ 2 กรดอะมิโนจำเป็น(Essential Amino Acids) 9 ชนิด ได้แก่
- ไอโซลูซีน (Isoleusine) ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต ช่วยการทำงานของระบบประสาท ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และช่วยให้ดตับขับสารพิษได้ดี
- ลูซีน (Leucine) ฟื้นฟูการทำงานของตับโดยตรง
- ไลซีน (Lysine) ช่วยเสริมการเจริญเติบโต เสริมภูมต้านทาน ป้องกันและรักษาโรคเริม และปัญหาที่เกิดจากเชื้อไวรัส
- เมไธโอนีน (Methionine) ป้องกันการสะสมไขมันในตับ ป้องกันโรคซึมเศร้า
- เฟนิลอะลานีน (Phenylalanine) ใช้สร้างเม็ดสีทั้งเส้นผมและผิวหนัง เป็นสารที่ช่วยถ่ายทอดข้อมูลจากสมองสู่ระบบประสาททำให้ความทรงจำและประสาทดีขึ้น
- ธรีโอนีน (Theonine) เสริมการเจริญเติบโต ป้องกันการจับตัวของไขมันในตับ
- ทริฟโตเฟน (Tryptophan) ช่วยสร้างวิตามินบี 3 สร้างสื่อประสาท ต่อต้านอาการซึมเศร้า ช่วยให้หลับสบาย
- เวลีน (Valine) เสริมการเจริญเติบโต รักษาสมดุลของไนโตรเจนในเลือด
- อิสติดีน (Histidine) จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในเด็ก ช่วยการทำงานของระบบประสาท
กรดอะมิโนจำเป็น ดังกล่าว เมื่อบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมจะเข้าไปทำงานร่วมกับกระดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองที่ตับได้อีกประมาณ 13 ชนิด รวมเป็นกรดอะมิโน 22 ชนิด เราเรียกว่า โปรตีนสมบูรณ์ ซึ่งตับจะใช้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญส่งไปตามกระแสเลือดทั่วร่างกายเพื่อใช้ซ่อมเซลล์ให้กับทุกอวัยวะให้มีความแข็งแรงสูงสุด เป็นการสร้างกระบวนการอันสำคัญที่มีความสลับซับซ้อนเพื่อใช้รักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบของร่างกายเอง ซึ่งเราเรียกว่า โปรตีนบำบัด
กลุ่มที่ 3 แอล-คาร์นนีทีน(L-carnitine )
เป็นกรดอะมิโนที่จะเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานให้กับกล้ามเนื้อลาย กล้ามเนื้อหัวใจและสมองได้อย่างรวดเร็ว มีสรรพคุณที่น่าสนใจ ดังนี้
- ทำให้แก่ช้าลงด้วยเหตุผลที่ L-carnitine ช่วยให้เซลล์ทั่วร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอและเหมาะสมตลอดเวลาจึงทำให้เซลล์มีอายุยืนนานได้มากกว่าเดิม
- ช่วยควบคุมระดับไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ให้อยู่ในระดับต่ำและช่วยเพิ่มไขมันที่มีประโยชน์(HDL)
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจโดยทำให้สุขภาพโดยรวมของหัวใจดีขึ้นและช่วยป้องกันการเกิดภาวะหัวในล้มเหลวในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจด้วย
- ช่วยลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใช้ร่วมกับการบริโภคแป้ง น้ำตาล ไขมัน ลดลง
- ช่วยเพิ่มระดับพลังงานของร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ทำให้ร่างกายทรุดโทรมเสียหาย
- ช่วยให้ออกกำลังกายได้มากขึ้น และนานขึ้นโดยไม่เหนื่อยง่าย เนื่องจากกล้ามเนื้อมีความทนทานมากขึ้น
- ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงมากกว่าเดิม ช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้ชัดเจน
- ช่วยลดความเสื่อมและความเสียหายของเซลล์ประสาท ทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น สามารถคิดวางแผนหรือคิดแก้ปัญหาได้คล่องแคล่วมากกว่าเดิม รวมทั้งช่วยในเรื่องความทรงจำได้ดีอีกด้วย
- L-canitine มีผลต่อสุขภาพจิตในเชิงบวก ทำให้เกิดการผ่อนคลาย และใช้ลดความเครียดได้ดี
- ช่วยทำให้ตับทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของคนเรา
กลุ่มที่ 4 ทอรีน (Taurine)
เป็นกรดอะมิโนที่มีบทบาทในการบำบัดที่ลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้การรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะสำคัญมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้
- ช่วยการทำงานของเรติน่าในดวงตาสามารถรับแสงได้ดีขึ้น
- ช่วยปรับสัดส่วนของน้ำดีให้มีคุณภาพดีขึ้น
- ช่วยให้เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น
- ช่วยลดการอักเสบหรือถูกทำลายจากอนุมูลอิสระในเซลล์ปอด
- ช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท
- รักษาระดับน้ำในเซลล์สมองให้เป็นปกติ
- ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
- เพิ่มความแข็งแรงของเซลล์อสุจิ
- ส่งเสริมการเจริฐเติบโตในเด็ก
- เพิ่มคุณภาพของฮอร์โมนอินซูลินให้กับผู้ป่วยเบาหวาน
- ช่วยการแบ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
- มีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และ ลดความดันโลหิต เป็นต้น
หมายเหตุ : ในมนุษย์การขาดทอรีนเกิดขึ้นได้ยาก แต่ร่างกายมีปริมาณทอรีนน้อยเกินไปอาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพ
คุณค่าทางโภชนาการของธัญพืช ธารแธน ต่อ 1 หน่วย บริโภค (65 กรัม)
- โปรตีน 23 กรัม
- คาร์โบไฮเดรทเชิงซ้อน 20 กรัม
- ไขมันชนิดไม่อิ่มตัว 8 กรัม
- เกลือแร่-วิตามิน ครบตามธรรมชาติ
- เส้นใยอาหาร ไม่ต่ำกว่า 20 กรัม
- พลังงาน 230 กิโลแคลอรี่
วิธีบริโภค
ธารแธน 1 ซอง ผสมนมเปรี้ยวไขมันต่ำ 180 ซีซี ผสมน้ำเย็น 120 ซีซี (รวม 300 ซีซี) ใช้บริโภคแทนอาหาร 1 มื้อ และควรดื่มน้ำตาม 1 แก้วเสมอ สำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพแนะนำให้บริโภคแทนอาหารวันละ 2 ซอง (2 มื้อ)
เมื่อสุขภาพกลับเป็นปกติให้บริโภคแทนอาหารวันละ 1 มื้อ เป็นประจำ เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคให้ถึงระดับTop Immunity เป็นการป้องกันโรคในระดับที่สูงสุดของร่างกาย
สนใจก็สั่งซื้อได้ตั้งแต่บัดนี้ ถ้าได้ลอง รับรองว่าติดใจทุกคนโดยเฉพาะคนที่มีปัญหาสุขภาพชัดเจนและกับผู้สูงอายุที่อาหารไม่ค่อยถึง
ลงมือปฏิบัติเพื่อรักษาโรคมะเร็งและโรคเรื้อรังทุกโรคด้วยโภชนาการปรุงพิเศษ
1. บริโภคธัญพืช ”ธารแธน” ผสมนมเปรี้ยวไขมันต่ำ 180 ซีซี ผสมน้ำเย็น 120 ซีซี (รวม 300 ซีซี) ใช้บริโภคแทนอาหาร 1 มื้อ และควรดื่มน้ำตาม 1 แก้วเสมอ สำหรับผู้มีปัญหาสุขภาพแนะนำให้บริโภคแทนอาหารวันละ 2 ซอง (2 มื้อ)
สำหรับผู้ป่วยมะเร็งให้ชงกับน้ำผลไม้ที่กำหนดด้วยวิธีปั่นแยกกาก โดยเลือกจากผลไม้ชนิดใดชนิดหนึ่งจากผลไม้เหล่านี้เท่านั้น ได้แก่ แอปเปิ้ล – แครอท – ฝรั่ง – กีวี้ – ฟักทองดิบ หรืออาจชงกับน้ำสะอาดได้ทั้งร้อนหรือเย็น ในผู้ป่วยมะเร็งไม่ควรผสมในนมวัว , ผลไม้ที่มีรสหวาน, น้ำผลไม้กล่อง(เพราะมักมีน้ำตาลเป็นส่วนผสมค่อนข้างมาก และไม่มีความสดใหม่ ทำให้วิตามินมีน้อย)
ในผู้ป่วยเบาหวาน อาจผสมในเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเทียมตามความเหมาะสมของโรค
ถ้าทำเป็นอาหารที่ต้องใส่ในสายยาง ต้องปั่นด้วยเครื่องปั่น ให้ธารแธนแตกตัว ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่จับตัวเป็นก้อน เพราะจะทำให้สายให้อาหารตันได้
2.บริโภคผัก+ผลไม้ปั่น (กินดิบ) เป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ วันละ 2-4 ครั้ง โดยมีสูตรผสม ดังนี้
· ผักกะหล่ำ หรือผักใบเขียวชนิดอื่น 1 หยิบมือ
· แอบเปิ้ลครึ่งผลใช้ทั้งเปลือกและเมล็ด
· แครอทครึ่งหัว
· คึ่นฉ่าย 1 ต้น
· มะนาว ¼ ผล ใช้ทั้งเปลือกและเมล็ด
· น้ำแอบเปิ้ลสดจากเครื่องปั่นแยกกาก ประมาณ 2-3 ผล
· น้ำแข็ง 3-4 ก้อน
เครื่อง ปั่นแยกกากควรเป็นชนิดความเร็วสูง (38,000 รอบ/นาที) ขนาด 3.5 แรงม้าปั่นที่ความเร็วสูงสุดนานประมาณ 15 วินาที หรือจะใช้เครื่องปั่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงก็ได้
3. บริโภคผลไม้สด ได้แก่ แอบเปิ้ล ลูกกีวี้ ฝรั่ง ชมพู่ แก้วมังกร สาลี่ หรือมะละกอ แทนขนมหรือของขบเคี้ยวได้มากเท่าที่ต้องการแทนขนมอื่นที่เคยบริโภคทุกชนิด
4.บริโภควิตามินซี วันละ 3,000 มิลลิกรัม ร่วมกับวิตามินบีรวม วันละ 1 เม็ด ในกรณีที่ผู้ป่วยโรคอื่นมีโรคแทรกซ้อนอาจต้องบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่น เพิ่มขึ้นตามคำแนะนำของนักโภชนาการ
ให้บริโภคอาหารทั้ง 4 ข้อข้างต้นแทนอาหารทั้งหมดที่เคยบริโภคปกติ และตรวจเลือดเพื่อติดตามภาวะมะเร็ง หรือภาวะโรคอื่นๆที่เป็นเดือนละ1 ครั้ง ถ้าผลปรากฎว่าภาวะมะเร็ง หรือโรคอื่นๆลดลงจากผลการตรวจเลือดหรือตรวจด้วยวิธีอื่นๆ นักโภชนาการจะปรับอาหารเพื่อผ่อนคลายการบริโภคให้สามารถบริโภคอาหารอื่น เพิ่มขึ้นตามผลเลือดที่บ่งชี้
5. ออกกำลังกายเบาๆวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 ครั้ง เช่นเดินเร็ว ขี่จักรยาน แกว่งแขน ว่ายน้ำ เป็นต้น
6. ฟอกปอดเพื่อเติมอ๊อกซิเจนให้ร่างกายด้วยการหายใจเข้าช้าๆจนเต็มปอด (ท้องป่อง) แล้วหายใจออกช้าๆให้หมดปอด (ท้องแฟบ) วันละ 20 ครั้ง จะช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
7.ทำจิตใจ ให้ปล่อยว่าง ไม่มีความกังวลใดๆ เพื่อปรับให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งการรักษาโรคเพิ่มขึ้น
8. นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จัดบรรยากาศของการนอนให้เหมาะสมโดยเฉพาะไม่ควรมีแสงและเสียงรบกวน
9. ควรให้คนในครอบครัวทุกคนช่วยกันสนับสนุนแนวทางการบำบัดทั้ง 8 ข้อ เพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยหายโดยเร็ว
|
|
|